top of page

How to ทิ้ง: จากประสบการณ์จริง (90 Days Project)


ในรูปคือของที่ปล่อยออกทั้งหมดภายใน 90 วันนับจากวันแรก (จริงๆปล่อยไปมากกว่านี้แต่ไม่ได้ถ่ายรูปทั้งหมด) บางอย่างคือซื้อมาขึ้นหิ้ง แทบจะไม่ได้ใช้ บางอย่างถึงจะเคยใช้บ่อยก็ไม่ได้ใช้มาเกิน 4-5 ปีแล้ว จนตั้งคำถามว่าเก็บไว้ทำไม ?


บางอย่างตอนก่อนจะปล่อยก็จะรู้สึกเสียดาย 5 วิ หรือ บางอย่างก็ไม่เสียดาย แต่ถ้าเป็นของที่ที่บ้าน หรือ คนรอบข้าง ไม่เห็นด้วยบางอย่างก็จะเกิด Conflict บางอย่างที่บ้านก็เลือกที่จะเก็บแทน


แต่หลังจากที่ได้ปล่อย Materials ไปเรื่อยๆรู้สึกตัวเบาขึ้นเยอะ ให้บ้าง, ขายบ้าง บริจาคบ้าง *ปล่อยไปเรื่อยๆในออนไลน์วันละ 4-5 อย่าง *จนรู้สึกว่ายิ่งมีน้อย ยิ่งทำให้สิ่งที่ตัวเองมีเยอะขึ้น* สุดท้ายได้เงินมาก้อนนึงไปเริ่มลงทุนในอสังหาก้อนใหม่ และ ได้บริจาคสิ่งของที่ไม่ได้ใช้ให้ผู้ด้อยโอกาสได้ใช้ต่อ


แนะนำว่าถ้าจะเคลียของจริงๆ ให้เคลียครั้งเดียวตัดสินใจไปเลย เพราะต้องมาปล่อยหลายๆ รอบจะไม่ Effectiveness ในเรื่องเวลา และ ความรู้สึก


ในเชิง Concept ของการซื้อของ คนเราซื้อของ เพราะอยากนำมาบ่งบอกตัวตน (Enriching), ใช้งาน (Enabling) และ สวยงาม (Enticing) แต่จริงๆแล้วของเยอะๆ ก็อาจจะยังไปเติมเต็มช่องว่าง ในใจไม่ได้ด้วยสิ่งของ ส่วนใน Concept ของการปล่อยของ เราทิ้งออกเพราะสิ่งของนั้นอาจจะเป็น Undesired-Selves หรือ Never me –Selves หรือ Abandon-Past selves หรือ Self-Esteem ข้างในอาจจะพอไม่ต้องใช้ของมาเติมเต็ คือ ไม่ต้องการ Compensatory Consumption


แต่ก่อนซื้อ Brand Name แพงมากๆก็ไม่กล้าใช้ อย่าให้เราเป็นทาสของ … บางทีเห็นมันถูกก็ซื้อมาเก็บๆไว้ก่อน ใช้เท่าที่ใช้ดีกว่า การที่เราปล่อยของแต่ละอย่างหรือเลือกเก็บของที่จำเป็นกับชีวิตเราจริงๆ ทำให้เรารู้คุณค่าของสิ่งของในอนาคตที่กำลังจะมามากขึ้น


ได้วิชาตัวเบาของโล่งมาเพื่อทำให้ชีวิตสบายขึ้น แต่อาจจะต้องเตือนใจตัวเอ งว่าคนรอบข้างก็ไม่เหมือนเราอยู่ดี ใจเราอย่าไปผูกกับเขาว่าเขาต้องทำตามเรา เราแค่ทำสิ่งที่เราสบายใจที่สุดก็พอแล้วถ้ามันไม่กระทบคนอื่น ตอนนี้สิ่งของทีถือก็ยังมีเยอะเกินความจำเป็นอยู่ แต่คงไม่ Push ตัวเองมากไป เอาค่อยๆเป็นค่อยๆไป


แต่จากประสบการณ์จนถึงตอนนี้มีน้อยก็ดูแลง่ายดี สิ่งที่ปล่อยไป ก็ไม่ได้กระทบชีวิต บางทีก็ย้อนว่าแต่ก่อนจะไปยึดทำไม และที่สำคัญที่สุดการที่ลดความสัมพันธ์กับของให้มาอยู่ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็เป็นสิ่งที่ดี

(ปล. ของที่มีคุณค่าทางจิตใจที่เพื่อนหรือคนใกล้ตัวให้ยังเก็บไว้อยู่นะ )

 

โดย Kenny Kanawat

bottom of page