ฮือฮา Shopee เปิดตัว Reward Programme แบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น 4 ระดับ
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา E-commerce Platform เจ้าดัง
อย่างช้อปปี้ได้เริ่มมีการใช้งานฟังก์ชั่นใหม่ สำหรับ Reward
และ Loyalty Programme โดยการแบ่งระดับลูกค้าตามยอดซื้อ
และความบ่อยในการซื้อสินค้าออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ 1. Classic 2. Silver 3. Gold 4. Platinum
โดยหากลูกค้าอยากปรับระดับสูงขึ้นเพื่อรับสิทธิประโยชน์ที่มีให้มากขึ้น
ก็ต้องซื้อมากขึ้น ถี่ขึ้นตามไปด้วย และระดับดังกล่าวจะคงอยู่เพียงแค่ 6 เดือนสูงสุด
โดยจะมีการปรับระดับใหม่สิ้นเดือนมิ.ย. และสิ้นเดือนธ.ค.
ซึ่งลูกค้าก็สามารถช้อปเพิ่มเพื่อรักษาระดับไว้ได้เช่นกัน
ลองมาคิดกันครับว่าข้อดีจากการทำ Loyalty Programme แบบนี้คืออะไร?
1. ให้ความสำคัญกับลูกค้าที่สำคัญต่อช้อปปี้จริงๆ ที่ผ่านมามีกระแสดราม่ามากมาย เช่น เรื่องค่าส่งที่ทำให้หลายคน
ต่างออกมาบอกว่าจะย้ายไปช้อปลาซาด้าแทน สำหรับช้อปปี้คงเป็นการยากที่จะรักษาใจลูกค้า "ทุกคน" เอาไว้
การแบ่งระดับลูกค้าจึงช่วยให้ช้อปปี้โฟกัสไปกับลูกค้าขาช้อปประจำเป็นหลัก
ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัทมากกว่า ในส่วนนี้ตรงกับทฤษฏี 80:20
ที่บอกว่า "ในบรรดาลูกค้าทั้งหมด มีลูกค้าแค่ 20% ที่นำมาซึ่งกำไร
ให้กับบริษัทเป็นมูลค่า 80% ของกำไรทั้งหมด"
บริษัทจึงควรให้ความสำคัญกับลูกค้า 20% นี้มากกว่า
2. เพิ่มยอดขาย การทำข้อมูลการซื้อของลูกค้าทั้งตัวเลขยอดซื้อ และจำนวนครั้งที่ซื้อ
ประกอบกับเป้าที่ลูกค้าจะต้องไปถึงเพื่อปลดล็อคสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม
จะช่วยให้ลูกค้าพยายามซื้อสินค้ามากขึ้นเพียงเพื่อให้รักษาระดับเดิมไว้ได้
หรือเพื่อให้ได้เลื่อนขั้นไปอีกระดับนึง คล้ายกับการเล่นเกมส์
3. กระจายความถี่ เช่นเดียวกันกับข้อ 2. เพียงแต่ว่านอกจากจะควบคุมพฤติกรรมผู้บริโภค
ให้ซื้อมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ลูกค้ากระจายการซื้อได้อีกด้วย
จากเดิมทีที่ลูกค้ามักจะเพิ่มสินเค้าเข้ารถเข็นทิ้งไว้ รอแคมเปญ 2.2 3.3 ....
เดือนละครั้งซื้อทีเดียว กลายเป็นลูกค้าต้องพยายามกระจายการซื้อเพื่อให้ถึงเป้า
ซึ่งการกระจายความถี่ยังช่วยให้ลูกค้าเข้าแอพบ่อยขึ้น
ติดแอพมากขึ้น มีโอกาสเห็นสินค้าใหม่ๆมากขึ้นอีกเช่นกัน
เพื่อนๆคิดว่ากลยุทธ์ล่าสุดของช้อปปี้นี้มีประโยชน์หรือโทษยังไงอีก
ลองคอมเม้นบอกกันได้นะครับ
Comments