top of page

แชร์ประสบการณ์ได้ทุนเปล่าจากมหาวิทยาลัยใน UK


วันนี้แอดจะขอมาแชร์ประสบการณ์ย้ายมาอังกฤษจากไทยในช่วงโควิด:

ด้วย Offer "เรียนฟรี มีเงินเดือน ไม่ต้องใช้ทุนคืน"


แอดได้ Offer จากมหาวิทยาลัยนึงในประเทศอังกฤษ ซึ่งในช่วงนี้สามารถอยู่เป็น Resident ได้ประมาณ 5 ปี,

มีเงินเดือนการันตีใน 3 ปีแรก (ไม่ต้องเสียภาษี), ทำงาน Part-time เพิ่มได้อีก, ได้เรียนฟรีแบบไม่ต้องใช้ทุนคืน,

และที่สำคัญและที่ชอบที่สุดที่ทำให้ตัดสินใจมาคือ

"ไม่มีพันธะต้องใช้ทุนหลังจบและไม่บังคับกลับประเทศ และขอวีซ่าทำงานต่อได้หลังจบ"


Offer ที่ว่าคือ "ทุนให้เปล่าแบบมีเงินเดือน" (Fully Funded PhD Studentships)

หรือ พูดเป็นภาษาชาวบ้านว่า "เขาจ้างเรียน" (บาง Offer เขาจะCoverแค่บางอย่าง แนะนำให้หาทุนเต็ม)

สิ่งที่ต้อง Contribute ให้เขาขึ้นอยู่กับสัญญาที่ตกลงไว้

(เช่น เคสแอดอาจจะต้องช่วยสอนหนังสือไม่เกิน 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ กับทำงานวิจัยให้เขา และ ที่สำคัญ คือ "ตั้งใจเรียน")


จริงๆแอดไม่ได้อยู่สาย Academic แบบ Pure มาก่อน (แต่เป็นอาจารย์พิเศษบ้าง) แ

ละช่วงที่เตรียมยื่นทุนอันนี้คือทำงานประจำ Marketing ไปด้วย


สิ่งสำคัญที่ทำให้ได้ทุนระหว่างทำงานไปด้วยคือ "ความสม่ำเสมอ" ในการเตรียมขอทุนช่วงหลังเลิกงานและวันหยุด

(รวมไปถึง อ่าน Paper, แก้ Proposal และ Connect กับ Potential Supervisors ไปเรื่อยๆ)


1. แรงบันดาลใจ และ การตั้งเป้า:

แอดเคยอยากเรียนป.เอก ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง (หนึ่งในนั้นคือ อยากจัดระเบียบความคิดตัวเอง

กับคิดว่าถ้ามี ป.เอก น่าจะหางานต่างประเทศง่ายขึ้น) แต่เพราะ Condition ที่ตัวเอง Set ไว้

มันทำให้การจะได้ไปเรียนต่อเป็นเรื่องยากเหลือเกิน นั่นคือ - ต้องได้เรียนฟรี - ต้องมีเงินเดือนให้ระหว่างเรียน - ต้องได้เขียนเรื่องที่อยากเขียน - ต้องมี Supervisor ที่จะ Guide เราได้ - ไม่ต้องใช้ทุนคืน (ยังไม่อยากกลับไทยหลังเรียนจบ) - Ranking มหาลัยต้องโอเค - เรียนในประเทศที่เสรีในเรื่องที่ตัวเองสนใจจะเขียน

ด้วยข้อจำกัดนี้ บางทีมันได้ไม่ครบ และ มันไม่ได้พร้อมกันซะที ยิ่งสถานการณ์โควิดมันเลยทำให้เงื่อนไขที่กล่าวมา

เป็นไปได้ยากขึ้น แต่อยากให้ตั้งเป้าไว้ให้ชัดเจนว่าเราต้องการอะไร

 

2. Process ในการยื่นและการเตรียมใจ:

Route นี้ไม่ง่ายถ้าไม่ใช่สาย Pure Academic (ถ้าอยากให้ง่ายขึ้นแนะนำให้เรียนโทด้าน Research แล้วต่อเอกเลย

แต่พอเรากลับไปทำงาน 5 ปี มันทำให้กลับมาสายนี้ยากขึ้น) แต่ถ้าจะ Apply สายนี้มันก็มี Way ของมันอยู่

"คือ ถึงแม้ถ้าโดนปฎิเสธจากที่เรายื่นไป เราต้องอย่าหยุดจนกว่าทุกอย่างจะ Match กัน,

หรือเราสามารถปรับให้ Match กับเขา หรือไม่ก็หาที่ที่ใช่สำหรับเรา"

(ขอข้ามแรงบันดาลใจและ Journey การหาเรื่องที่ตัวเองจะเขียนออกไปนะครับ

อันนี้ใช้เวลางมกับคุยกับคนหลายคนมาก และ แก้ Proposal ประมาณปีกว่า)


หลังจากที่หัวข้อเริ่มนิ่งพอสมควรแล้ว เลยเริ่ม Process เลือกมหาวิทยาลัย

และ เตรียมเอกสาร (ป. เอก ปัจจัยในการเลือกเยอะมาก) สุดท้ายพอคิดว่าพร้อมแล้วเลยยื่นไป

- รอบแรก: โดน Rejectเร็วมาก มหาวิทยาลัยให้เหตุผล "ไม่มีSupervisorดูแลในเรื่องที่เราอยากเขียน"

- รอบสอง: (ผ่านไป 4 เดือน): เข้าไปดูใน Webใหม่ มีSupervisorที่มหาวิทยาลัยเดิมเปิดรับเรื่องแนวๆ

ที่จะเขียนพอดี เลยปรับ Proposal ยื่นไปใหม่ คุยไปประมาณสองเดือน Supervisor บอกว่า

"รับเข้าเรียนแต่พอมีโควิด สถานการณ์การเงินมหาวิทยาลัยไม่ดี ปีนี้เลยไม่มีทุน เขาก็บอกตรงๆ ว่าไม่รู้เมื่อไรจะมี"

(เราเลย Defer ออกไป เพราะเราชัดเจนกับเขาว่าจะเรียนถ้าได้ทุนให้เปล่า)

- รอบสาม (ผ่านไปอีก 6 เดือน): ส่งเมลไปถามใหม่ Sup บอกว่า "คิดว่าปีนี้ก็ไม่น่ามีทุน"

(ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่คนไทยเริ่มประท้วง และโดนฉีดน้ำช่วงแรกๆ บอกเลยโคตรหดหู่ และความรู้สึกตอนนั้นไม่อยากอยู่ไทยแล้ว)

- รอบสี่ (ประมาณเดือนมีนาคมปีนี้): Supervisor อีเมลมาบอกว่า

"มีทุนเปิดแล้ว แต่จำนวนคนที่ได้จะน้อยมากๆเปิด 2 ทุนจากทั่วโลก ยูจะลองยื่นไหม"


สุดท้ายได้ทุนรอบที่สี่ ใช้เวลาและโดนปฎิเสธเยอะพอสมควร แต่มันก็คุ้มค่าในสิ่งที่อยากได้

เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องค่าครองชีพที่อังกฤษ และที่สำคัญคือ ไม่ต้องใช้ทุนคืน

(ผมได้ทุน PhD ทำเปเปอร์เรื่อง "Marketing Sustainability" ที่ Reading ครับ)


ใครอยู่สาย Academic ที่อังกฤษ, กำลังอยาก Apply หรือ ทำเปเปอร์สายนี้ ทักมาคุยเล่น

หรือ ติดตามผ่าน Marketing Everyday ได้ครับ

 

ปล. - Profile แอดจบโท Imperial (Marketing 14-15 with Dean's List),

ตรี Marketing ธรรมศาสตร์ กับทำงานแล้ว8ปี (ไม่เคยอยู่สาย Research มาก่อนครับ) - ใครสนใจทุนนี้ลอง Search "Fully Funded Scholarship + ปี + สาขาที่เราสนใจ"

ใน Google ได้เลยครับ (จะมี Update ตลอดครับ)

bottom of page