top of page

Case Study: ความล้มเหลวของ Google Glass

Writer: Tanan UdomcharnTanan Udomcharn

Updated: May 14, 2021


เมื่อ 7 ปีก่อน คงไม่มีใครไม่รู้จัก Google Glass แว่นตาอัจฉริยะจาก Google ที่เหมือนหลุดออกมาจากหนัง Sci-fi ที่ทุกคนต่างพากัน hype อยากได้ อยากลองใช้กันสักครั้ง


แต่ใครจะรู้ว่าหลังเปิดตัวได้ไม่นานนัก Google Glass ก็ดันมาเจ๊ง

และต้องหยุดจำหน่ายไปในที่สุด

 

ในวันนี้ Marketing Everyday

จะมาเล่าถึง 5 สาเหตุแห่งความล้มเหลวของ Google Glass ให้ฟังกันครับ


1. Privacy

Google Glass นั้นสามารถถ่ายภาพและบันทึกวีดีโอได้

ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกถูกรุกล้ำความเป็นส่วนตัวเพราะกลัวว่าจะถูกแอบถ่าย

เราไม่สามารถทราบได้เลยว่าผู้ใช้คนใดกำลังใช้ฟังก์ชั่นกล้องอยู่หรือเปล่า

ถ้าให้เทียบก็เหมือนมีคนถือมือถือเอากล้องจ่อคุณตลอดเวลา

เป็นใครก็ต้องกังวลว่าจะถูกแอบถ่ายรึเปล่าเหมือนกันทั้งนั้น


2. Design

ถึงจะใช้ชื่อว่า Google Glass ที่แปลว่าแว่นตา

แต่หน้าตากลับดูเหมือน Head Band (สายรัดหัว)

จึงทำให้ Google Glass เป็นที่วิพากย์วิจารณ์ค่อนข้างมากกว่าดีไซน์

ดูเหมือนยังออกแบบไม่เสร็จ หรือเหมือนยังไม่พร้อมเปิดตัว


3. Society

จากสาเหตุข้อ 1. และ 2. รวมกันทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อย

ที่ anti ผู้ใช้ Google Glass และเรียกกลุ่มคนเหล่านั้นว่า Glass Hole

(ที่มาจากคำด่าว่า A$$ Hole) เมื่อเกิดเป็นกระแสต่อต้าน

คนก็ไม่กล้าใช้กันเพราะกลัวจะเป็นที่ต่อต้านของสังคม


4. Safety

นอกจากนี้ยังมีการรายงานถึงกรณีที่ผู้ใช้รายหนึ่งถูกทำร้ายร่างกายในบาร์

เนื่องจากคนในบาร์ไม่พอใจที่ผู้ใช้รายนี้ใส่ Google Glass

ซึ่งไม่มีใครทราบได้ว่าแอบเข้ามาถ่ายภาพ/วีดีโอในบาร์หรือเปล่า


5. Price (Worthiness)

สุดท้าย คำถามที่สำคัญที่สุดที่หลายๆคนถามตัวเอง

คือ "เราจะซื้อ Google Glass ที่ราคาแพงขนาดนี้มาเพื่ออะไร?"

เนื่องจาก Google Glass เป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจมาก

และเปิดตัวในช่วงแรกให้กับเฉพาะคนกลุ่มเล็กๆที่มีอิทธิพล

ในการชักจูงความคิดของคนอื่น (เช่นพวก influencer ที่เป็น tech savvy)

ทำให้บริษัทแทบไม่จำเป็นจะต้องโฆษณาสินค้าเลย แต่สิ่งนี้ก็เป็นเหมือนดาบสองคม

เพราะสุดท้ายการไม่มีข้อมูลอะไรให้ผู้บริโภค ก็ทำให้ผู้บริโภคได้แต่ถามตัวเอง

ว่าสินค้าชิ้นนี้ดีอย่างไร มีไว้เพื่ออะไร ทำไมฉันถึงต้องจ่ายราคาสูงขนาดนี้

 

Written by Tanan Udomcharn

Comments


©2022 by Marketing Everywhere

bottom of page