top of page

Omu กับ ดราม่าเรียกความสงสาร


เมื่อช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ทาง Omu ได้มีการโพสต์ข้อความ ผ่าน social media ทำนองว่า จะต้องปิดร้านในอีกไม่นาน เนื่องจากพิษโควิด19 ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้

โพสต์ดังกล่าวได้มีผู้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสายแกงกระหรี่ญี่ปุ่น (รวมถึงแอดด้วย) ซึ่งก็มีลูกค้าจำนวนมากพยายามช่วยอุดหนุนร้านให้พยุงธุรกิจต่อไปได้

ล่าสุดท้างเพจ Omu ได้ออกมาโพสต์ข้อความอีกครั้ โดยมีเนื้อหาทำนองว่าทางร้านยังขายไม่ดี โดยโพสต์ยอดขายในแต่ละวันที่ลดลงเรื่อยๆ อีกทั้งยังมีการอ้างถึงการที่ร้านได้ออกไปให้ความช่วยเหลือผู้บริโภค ซึ่งคงทำต่อไม่ได้หากไม่มียอดขายเข้ามา อยากให้คนมาช่วยอุดหนุนร้านเพื่อให้ร้านอยู่ได้ต่อไป

โพสต์ดังกล่าวก่อให้เกิดเป็นกระแสตีกลับอย่างแรง โดยชาวเน็ตต่างให้ความเห็น ว่าต่างๆนานาในเชิงลบ เช่น เรียกร้องความสงสาร เลิกดราม่าได้แล้ว รำคาญ เอาเวลาไปพัฒนาธุรกิจ อย่าทำเหมือนขอทาน เป็นต้น

เคสนี้ทำให้เห็นว่าแม้คนไทยจะเป็นคนที่ขี้สงสาร และชอบบริจาคให้ ชอบอุดหนุนคนที่กำลังเดือดร้อน แต่คนไทยก็แยกแยะได้ว่าอะไร คือความน่าช่วยเหลือ และอะไรคือการเรียกร้องขอความช่วยเหลือ

ส่วนตัวแอดมองว่าทาง Omu เมื่อได้รับโอกาสในครั้งแรกแล้ว ควรจะหาวิธีในการรับมือกับวิกฤตให้ได้ แต่หากทำไม่ได้จริงๆ ก็ยังมีวิธีการโพสต์เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือได้ดีกว่านี้อีกมาก แต่การเลือกใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม เช่น การโพสต์ทำนองเรียกร้อง ขอความช่วยเหลือ โพสต์ที่ดูคล้ายกับการอ้างถึงบุญคุณที่ทำให้สังค โพสต์ในแนวคล้ายการตัดพ้อหรือบ่นถึงยอดขายที่ลดลงของตัวเอง นั้นทำให้สังคมรู้สึกรำคาญมากกว่าอยากให้ความช่วยเหลือครับ นับว่าเป็นการตลาดที่ผิดพลาด และอาจส่ง Omu กลับบ้าน ได้เร็วขึ้นไปอีกจากพิษโควิดที่ทำร้ายธุรกิจอยู่แล้ว

 

Written by Tanan Udomcharn

bottom of page